อุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยได้รับแรงผลักดันจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2025 การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ธุรกิจที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันต้องเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มล่าสุดที่กำลังกำหนดภูมิทัศน์โลจิสติกส์.

1.อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things)คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่สามารถตรวจสอบและถ่ายโอนข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ ในโลจิสติกส์ IoT ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลังIoT ช่วยตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้นของสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อคาดการณ์ความผันผวนของความต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดเส้นทางและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการติดตามการใช้เชื้อเพลิง

2.ปัญญาประดิษฐ์ (AI)และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างมาก AI ช่วยให้บริษัทโลจิสติกส์สามารถรับมือกับความผันผวนของความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การพยากรณ์โดยใช้ AI ช่วยให้ผู้จัดการสามารถวางแผนกระบวนการห่วงโซ่อุปทานและลดของเสียจากสินค้าคงคลัง

ธุรกิจยังใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนเส้นทางและการรวมโหลด ซึ่งช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งเสริมความยั่งยืนโดยรวม นอกจากนี้ แชทบอทและผู้ช่วยเสมือนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังช่วยปรับปรุงการบริการลูกค้าและการสื่อสารภายในห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics & Automation)การใช้หุ่นยนต์ในโลจิสติกส์ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำของกระบวนการในห่วงโซ่อุปทาน ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ และเพิ่มผลผลิต หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ได้มาแทนที่งานของมนุษย์

หุ่นยนต์ทางกายภาพ เช่น หุ่นยนต์ร่วม (cobots) และหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRs) ถูกใช้ในการหยิบและขนส่งสินค้าในคลังสินค้า นอกจากนี้ หุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ยังทำงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อ ซึ่งช่วยให้พนักงานมนุษย์มีเวลามากขึ้นในการทำงานที่มีมูลค่าสูงกว่า

4.โดรนการจัดส่งระยะสุดท้าย(Last Mile Delivery)กำลังเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความท้าทาย เช่น การจราจรติดขัด ความต้องการของลูกค้า และกฎระเบียบที่ซับซ้อน วิธีการจัดส่งทางเลือก เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติและโดรน ช่วยให้การจัดส่งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นช่วยลดเวลาในการขนส่ง ยืดหยุ่นตามความต้องการตัวเลือกการจัดส่งในวันเดียวกันและการจัดส่งทันทีตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็ว

5.คลังสินค้าอัตโนมัติเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติในคลังสินค้า เช่น ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ (AGVs), ระบบหยิบสินค้าโดยหุ่นยนต์, ระบบจัดเก็บและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ (ASRS), และการหยิบสินค้าผ่านผนัง (put-wall picking) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มผลผลิต ทำให้การหยิบและบรรจุสินค้ามีความแม่นยำและพร้อมสำหรับการขนส่งการประสานงานของระบบอัตโนมัติกับระบบโลจิสติกส์ระยะสุดท้ายช่วยให้การไหลของสินค้าราบรื่นยิ่งขึ้น ทำให้การจัดส่งรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ระบบอัตโนมัติในคลังสินค้าจึงเป็นส่วนสำคัญของระบบโลจิสติกส์ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและปรับปรุงการจัดส่งระยะสุดท้าย

6.Blockchain บล็อกเชนช่วยให้บันทึกธุรกรรมมีความปลอดภัยและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและสถานะของสินค้า ทำให้การติดตามเป็นไปอย่างสมบูรณ์สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ช่วยให้กระบวนการต่างๆ เช่น การผ่านพิธีการศุลกากรและการชำระเงินเป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดเวลาการประมวลผลและเพิ่มความรวดเร็วในห่วงโซ่อุปทาน เมื่อบล็อกเชนได้รับการยอมรับมากขึ้น จะช่วยเพิ่มความไว้วางใจ ลดภาระงานด้านการบริหาร และทำให้การไหลของสินค้าทั่วโลกเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

7.Big Data & Analysis ช่วยให้การตัดสินใจและการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการในโลจิสติกส์มีข้อมูลสนับสนุน การดำเนินงานในคลังสินค้าได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและการจัดการสินค้าคงคลัง บริษัทโลจิสติกส์ใช้บิ๊กดาต้าเพื่อตรวจสอบตำแหน่งและสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ปรับเส้นทางการจัดส่ง ลดเวลาและการใช้เชื้อเพลิง

8.Cloud Computingโซลูชัน SaaS บนคลาวด์ช่วยให้บริษัทโลจิสติกส์ลดต้นทุนและความเสี่ยงทางการเงิน โดยใช้รูปแบบจ่ายตามการใช้งานแทนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน IT ขนาดใหญ่ แอปพลิเคชันบนคลาวด์ช่วยจัดการโลจิสติกส์ทั่วโลกโดยขจัดอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ และแก้ไขปัญหาการสื่อสารด้วยแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่ปลอดภัย

9.Autonomous Vehiclesยานพาหนะอัตโนมัติช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยขจัดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ เช่น ความเหนื่อยล้าของคนขับ ทำให้การขนส่งสินค้าปลอดภัยและเชื่อถือได้ ลดอุบัติเหตุและค่าใช้จ่าย ยานพาหนะเหล่านี้ทำงานต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งทั้งระยะต้นและระยะสุดท้าย โดยเฉพาะในเขตเมืองนอกจากนี้ ยานพาหนะอัตโนมัติยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซ โดยใช้เทคนิคการขับขี่แบบกลุ่มและเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางการเดินทาง

10.การบริหารจัดการโลจิสติสก์โดยมุ่งเน้นความยืดหยุ่น (Elastic Logistics)โลจิสติกส์แบบยืดหยุ่นช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับขนาดการดำเนินงานได้ตามความต้องการของตลาด ในช่วงที่มีความต้องการสูง บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิต การขนส่ง และการจัดเก็บสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ความต้องการลดลง พวกเขาสามารถลดขนาดการดำเนินงานลงเพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นวิธีการนี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็นและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปรับความสามารถให้ตรงกับความต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการมีสินค้ามากเกินไปและลดต้นทุนการถือครอง

#warehouse #Logistics #Transport#Logisticstrend

แหล่งที่มา: https://www.startus-insights.com/innovators-guide/top-10-logistics-industry-trends-innovations-in-2021/